ความคิดของพระเจ้าขัดแย้งกับความคิดแบบโลกอย่างมาก เราจะเข้าใจน้ำพระทัยพระองค์ได้ โดยผ่านการศึกษาพระคำอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการตีความหมายพระคัมภีร์อย่างถูกต้องด้วย ข้าพเจ้าเคยพบคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้ามานานหลายปี แต่ยังไม่สามารถยอมรับหรือซึมซับความคิดพระเจ้าตามหลักการในพระคัมภีร์ได้โดยง่าย ในทางกลับกันข้าพเจ้าก็เคยพูดคุยกับคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้าไม่กี่สัปดาห์ เขาเป็นนักธุรกิจ มีความรู้ และประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจ แต่เมื่อเขากลับใจมาเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาศึกษาพระคำพระเจ้าและชีวิตเขาเป็นเหมือนฟองน้ำที่แห้งสนิท เขาดูดซับน้ำแห่งชีวิตจากพระดำรัสพระเจ้าเข้าไปอย่างเต็มที่ น่าสนใจที่ว่า “อายุความเชื่อ” ไม่ได้ไปพร้อมๆ กับ “(อายุ) การเติบโตฝ่ายวิญญาณ” เสมอไป
แนวคิดทั่วๆ ไปแบบโลกคือ “การขึ้นไปให้สูงสุด” พร้อมๆ กับ “การได้รับความสะดวกสบายที่สุด” แต่ในพระวจนะของพระเจ้ากล่าวว่า “ถ้าเรามีความอดทน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์” 2 ทิโมธี 2:12 วลีที่ว่า “ถ้าเรามีความอดทน” นี้ ฉบับภาษาเดิมหมายถึง “ยังคงอดทนอยู่ภายใต้การทดลองอย่างต่อเนื่อง” หรือในฉบับคิงเจมส์แปลว่า “ถ้าเราทนความทุกข์ทรมาน” คำว่า “ทุกข์ทรมาน” ตรงข้ามกับคำว่า “สะดวก” หรือ “สุขสบาย” เมื่อบางคนเห็นภูเขาสูงติดอันดับโลกและเห็นทางขึ้นไปยากลำบาก หลายคนปรารถนาจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อขึ้นสู่ยอดเขาได้โดยง่ายและสะดวก แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เลือกปีนเขาแห่งความท้าทายนึ้ ขึ้นไปด้วยความยากลำบาก และเกียรติประวัติของเขาได้ถูกจารึกไว้
การครอบครองร่วมกับพระคริสต์ เป็นที่สูงที่ไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปได้ แต่จำต้องผ่านหนทางกันดาร ยากลำบาก และบางครั้งทุกข์ทรมานด้วย แต่ถ้าท่านยินดีเดินผ่านหนทางของพระองค์นี้ พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะไม่ให้ท่านเดินไปแต่ลำพัง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงยืนเคียงข้างท่านเสมอ และส่งความช่วยเหลือมาในยามที่ท่านต้องการ เพราะ “พระองค์เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก” สดุดี 46:1 และ ศักดิ์ศรี (มงกุฎ) ที่ท่านจะได้รับจะไม่มีวันร่วงโรยเลย ดังพระธรรมยากอบ 1:12 ได้กล่าวว่า “ความสุขย่อมมีแก่คนนั้นที่สู้ทนการทดลอง เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์”
“ข้าพเจ้าได้อดทน ข้าพเจ้าได้แตกหัก นำข้าพเจ้าได้รู้จัก ความรักของพระคริสต์”