เรามักได้ยินผู้เชื่อหนุนใจกันเสมอๆ ว่า “จงหวังใจในพระเจ้า” 1ทิโมธี 6:17 ประโยคสั้นๆ นี้สะท้อนมุมมองสองด้านคือ มีผู้ที่หวังใจในสิ่งต่างๆ ในโลก และมีผู้ที่ยึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า หวังใจว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเป็นจริงกับพวกเขา
ความหวังในโลกมีมากมายนับไม่ถ้วน ความหวังในเงินทอง ชื่อเสียง ตำแหน่ง ความหวังอยากได้รับความรัก ความหวังต่อคู่ครองและลูก หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ซึ่งหลายครั้ง “ความหวัง” เหล่านั้นกลายเป็นเพียง “ความฝัน” เท่านั้น
ความหวังที่แท้จริงในพระเจ้าเป็นสิ่งไม่ตาย ความหวังเป็นความฝันที่ตื่นอยู่ เป็นดั่งความฝันที่เดินได้และยังคงหายใจ ความหวังในพระเจ้าเป็นความหวังที่เติบโต เป็นความฝันที่จับต้องได้ในฝ่ายวิญญาณ เป็นดั่งสมอยึดผู้เชื่อเอาไว้ให้มั่นคง เป็นดั่งเส้นชัยที่มองเห็นได้ และรอเวลาที่เราจะก้าวข้ามไป
ความหวังในพระเจ้าผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จ การเกิดผล และชัยชนะ ชนชาติอิสราเอลได้รับชัยชนะในสงครามและผ่านความยากลำบาก ด้วยวิธีการที่หลากหลายจากพระเจ้า โมเสสยกไม้เท้าและทะเลแดงก็แหวกออก คนอิสราเอลเดินรอบเมืองเยรีโคและกำแพงก็พังลง โยชูวาหยุดดวงอาทิตย์ไว้ กิเดโอนกับทหารเพียงสามร้อยคนเอาชนะทหารมีเดียนนับแสนคน ดาวิดเอาชนะโกลิอัทด้วยสลิง ฯลฯ เราจะสังเกตได้ชัดเจนว่า ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวในชัยชนะของพวกเขา ในโลกธุรกิจก็เช่นกัน เราพบว่าวิธีการที่เราใช้ในอดีตอาจใช้ไม่ได้ผลในปัจจุบัน และความสำเร็จของบริษัทหนึ่งไม่สามารถนำมาเป็นสูตรสำเร็จของอีกบริษัทได้
มีคนกล่าวว่า “สิ่งที่คุณไม่ได้หวังมักเกิดขึ้นมากกว่าสิ่งที่คุณหวังไว้” พระเจ้าทรงมีแผนการใหม่ มีวิธีการใหม่ มีความสำเร็จใหม่ และมีชัยชนะใหม่ เตรียมไว้สำหรับผู้ที่หวังใจในพระองค์
ขอให้เราอธิษฐานขอการทรงนำ เราอาจไม่สามารถหวังใจในสถานการณ์ “รอบกาย” แต่เราสามารถหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงสถิต “ภายใน” เรา และพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแสนดีเลิศจะทรงประทานให้เรามากกว่า ดีกว่า ยอดเยี่ยมกว่า สิ่งที่เราทูลขอ และสิ่งดีเลิศที่เราไม่ได้หวังจะเกิดขึ้น เมื่อเราหวังใจในพระองค์