คริสเตียนทั่วไปมักมีคำถามว่า เหตุใดคำอธิษฐานของฉันยังไม่สัมฤทธิ์ผล? ฉันมีความเชื่อไม่มากพอหรือ? พระเยซูตรัสว่า “...ด้วยเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า จงเลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่นมันก็จะเลื่อน และไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับท่านเลย” มัทธิว 17:20
“เมล็ดผักกาด” ซึ่งมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ถูกนำมาเปรียบเทียบกับ “ภูเขา” ซึ่งมีขนาดใหญ่ และน้ำหนักมาก ความเชื่อของเรามีน้ำหนักมากเพียงใด ไม่มีใครสามารถวัดได้ แต่คำเปรียบเทียบที่พระเยซูทรงตรัสไว้ ทำให้เราเห็นว่า แม้ความเชื่อจะมีขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา แต่มันสามารถมีผลกระทบต่อสิ่งใหญ่ๆ และสามารถเคลื่อนสิ่งที่มีน้ำหนักมากได้
“ความเชื่อเท่าเมล็ดผักกาด + คำสั่ง (คำอธิษฐาน) = ความสัมฤทธิ์ผล (ภูเขาเคลื่อนไป): ถ้าทุกอย่างมีสูตรสำเร็จในการเกิดผล เราทั้งหลายทุกคนคงยึดติดกับสูตรเหล่านั้น และไม่ต้องพึ่งพระเจ้าอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงพระเจ้าอยากให้เรายึดติดกับพระองค์มากกว่าสูตรสำเร็จใดๆ
ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ได้อธิบายว่า “ความเชื่อ” ในพระธรรมข้างต้น ไม่ใช่ความเชื่อทั่วๆ ไป แต่เป็นความเชื่อซึ่งปรากฏอยู่ในพระธรรม 1โครินธ์ 12:9 “...และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน” พระธรรมตอนหลังนี้ พูดถึงของประทานต่างๆ รวมถึง “ของประทานแห่งความเชื่อ” ด้วย ในพระคัมภีร์เดิมหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ ได้เกิดขึ้นภายใต้ของประทานแห่งความเชื่อ เช่น เมื่อโมเสสไปยืนที่ริมทะเลแดงและด้วยของประทานแห่งความเชื่อท่านยกไม้เท้าขึ้นตามพระบัญชาของพระเจ้า และการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อทะเลแดงได้แหวกออกจากกัน
เราสามารถอธิษฐาน เพื่อเราจะมีความเชื่อมากขึ้น จนกระทั่งเราได้รับ “ของประทานแห่งความเชื่อ” อย่างไรก็ตามความเชื่อของเราเป็นดั่งทองคำในหัตถ์ของพระเจ้า ตัวเลขบนเครื่องชั่งเศษทองคำเปลี่ยนไปตามน้ำหนักทองแม้ว่าจะมีทองคำเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม ความเชื่อเล็กน้อยของเราที่วางบนพระหัตถ์พระเจ้าสามารถเคลื่อนอุปสรรคและปัญหาใหญ่ๆ ได้ เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ มิใช่ขนาดความเชื่อของเรายิ่งใหญ่
ขอพระเจ้าทรงเพิ่มเติมขยายขนาดความเชื่อของเรา ขอให้เรามีของประทานแห่งความเชื่อ และขอทรงทำกิจแม้เรามีความเชื่อเล็กน้อย เพราะเราเชื่อในความยิ่งใหญ่ของพระองค์